รวม 7 ไอเดีย เปลี่ยนบ้านโทรม ให้เป็นบ้านสวยด้วยการรีโนเวท

รวม 7 ไอเดีย เปลี่ยนบ้านโทรม ให้เป็นบ้านสวยด้วยการรีโนเวท

หลายๆคน อาจจะวางแผนสานต่อธุรกิจจากพ่อแม่ ขยายครอบครัวใหญ่ขึ้น ทำห้องนอนใหม่ให้ลูกๆที่กำลังโต หรือแม้แต่ต้องการสร้างพื้นที่ส่วนรวมที่ได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวได้มากขึ้น ซึ่งเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ สามารถปรับปรุงและแก้ไขทั้งบ้าน และอาคาร ได้ด้วยการรีโนเวท

การรีโนเวท นอกจากจะเป็นตัวเลือกในการเปลี่ยนบ้านให้สวยเหมือนใหม่ แถมใช้เวลาไม่นานแล้ว ยังเป็นการรักษาคุณค่า และความทรงจำของสถานที่นั้นๆ ให้คงอยู่ไปอีกนาน  วันนี้เรามี  7 ไอเดีย ที่จะช่วยรีโนเวทบ้านโทรม ให้เป็นบ้านสวย ในแต่ละส่วนของบ้าน  แต่ก่อนที่จะไปเริ่มรีโนเวทกัน TOA มีขั้นตอนการวางแผนเพื่อเตรียมตัวก่อนการรีโนเวทที่เป็นประโยชน์มาฝากทุกคนกัน

การเตรียมตัวก่อนรีโนเวทบ้าน ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

ก่อนจะไปดูไอเดียรีโนเวทบ้าน เราขอแนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนรีโนเวทบ้านกันก่อน โดยทุกคนก็ควรทราบก่อนว่าการีโนเวทบ้านไม่ใช่แค่คิดก็ทำได้เลย หากแต่ต้องอาศัยการเตรียมพร้อมในเรื่องต่างๆ เป็นอย่างดี เพื่อให้การรีโนเวทบ้านออกมาสวยงาม งบไม่บานปลาย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เรามาดูพร้อมกันข้างล่างนี้เลย

1. กำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ในการรีโนเวทบ้าน

ก่อนรีโนเวทบ้านทุกครั้ง สิ่งแรกที่ต้องทำคือการกำหนดเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ในการรีโนเวทบ้านให้ชัดเจนก่อนว่าเราอยากจะซ่อม รื้อ หรือต่อเติมส่วนไหน และอยากทำไปเพื่ออะไร เพื่อที่จะได้วางแผนขั้นต่อไปได้ว่าจะดำเนินการปรับปรุงอย่างไร จึงจะทำให้การรีโนเวทบ้านสามารถทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. สำรวจโครงสร้างของพื้นที่และบริเวณที่ต้องการรีโนเวท

ก่อนดำเนินการรีโนเวทบ้าน สิ่งสำคัญคือต้องสำรวจโครงสร้างของพื้นที่ที่ต้องการรีโนเวทด้วย! ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบบ้าน และพื้นที่โดยรอบว่ามีโครงสร้างเดิมเป็นอย่างไร สามารถรับน้ำหนักได้มากน้อยแค่ไหน มีระบบไฟฟ้าหรือระบบประปาที่ควรแก้ไขหรือไม่ เมื่อตรวจเช็กสภาพเรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถวางแผนการรีโนเวทบ้านได้มีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเดิมที่อาจทำให้เกิดเป็นปัญหาในภายหลัง

3. ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรีโนเวทบ้าน

สำหรับคำถามที่หลายคนสงสัยว่าการรีโนเวทบ้านต้องขออนุญาตไหม คำตอบคือแล้วแต่กรณี โดยแม้จะเป็นเพียงการรีโนเวทบ้าน ไม่ใช่การสร้างบ้านใหม่ ก็ควรศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องเอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง ต่อเติมอาคาร หรือที่รู้จักกันในชื่อ “พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522” เพื่อที่จะได้สามารถทำการรีโนเวทได้ปลอดภัย และไม่เป็นปัญหาด้านกฎหมายในอนาคต

4. เตรียมที่อยู่อาศัยรองรับระหว่างการรีโนเวทให้เรียบร้อย

หากเป็นไปได้ ก็ควรเตรียมที่อยู่อาศัยสำรองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรีโนเวทบ้านด้วย โดยการรีโนเวทบ้านนั้น ไม่ว่าจะทำเพียงการต่อเติมเล็กน้อย หรือการรีโนเวทแบบทั้งหลัง ก็อาจมีปัจจัยที่ส่งผลในเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นความสะอาด ฝุ่น กลิ่นของสีที่ยังไม่แห้ง ไปจนถึงเสียงก่อสร้างที่อาจรบกวน การเตรียมที่พักอาศัยสำรอง เพื่อรองรับการอยู่อาศัยของสมาชิกในครอบครัวจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ

5. หากมีเพื่อนบ้านข้างๆ ต้องทำการแจ้งเพื่อนบ้านก่อน

โดยทั่วไป การรีโนเวทบ้านมักตามมาด้วยเสียงของเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการต่อเติม หรือก่อสร้าง ซึ่งอาจรบกวนเพื่อนบ้านรอบข้างได้ ดังนั้น เพื่อให้คุณยังสามารถคงความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านเอาไว้ ก่อนรีโนเวทบ้านทุกครั้งจึงควรแจ้งเพื่อนบ้านให้ทราบก่อน เพื่อป้องกันปัญหาการทะเลาะหรือไม่พอใจที่อาจเกิดขึ้นได้

6. ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการรีโนเวทบ้าน

แม้จะเป็นเพียงแค่การรีโนเวทบ้านบางส่วน ไม่ใช่การสร้างใหม่ แต่การจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ก็ถือว่ามีความสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันการถูกทีมงานที่ไม่มีประสิทธิภาพโกงราคาวัสดุ หรือเทงานกลางคันแล้ว การเลือกทีมที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน จะช่วยให้สามารถทำงานเสร็จเรียบร้อยตามกำหนดการ อีกทั้งยังสามารถการันตีผลลัพธ์ได้ว่าจะออกมาตามที่คาดหวังไว้อีกด้วย

7. เตรียมเงินสำรองกรณีฉุกเฉินไว้ 10 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์

ในช่วงระยะเวลาการรีโนเวทบ้าน อาจเกิดเหตุไม่คาดคิดได้ตลอดเวลา ดังนั้น ก่อนทำการรีโนเวทบ้านแต่ละครั้ง ก็ควรเตรียมเงินสำรองกรณีฉุกเฉินไว้อย่างน้อย 10 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะหากมีกรณีฉุกเฉินขึ้นมาก็จะได้นำเงินส่วนนี้มาจัดการ หรือช่วยให้การรีโนเวทบ้านราบรื่นขึ้นได้

ค่าใช้จ่ายจำเป็นที่ควรรู้ก่อนทำการรีโนเวทบ้าน

เพื่อไม่ให้งบบานปลาย เราขอแนะนำรายการค่าใช้จ่ายที่จำเป็นที่คุณควรเตรียมพร้อมไว้ก่อน ดังนี้

- ค่าใช้จ่ายสำหรับการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ

กรณีที่ไม่ได้รีโนเวทบ้านด้วยตนเอง ค่าใช้จ่ายที่ต้องต้องเตรียมไว้ก็คือค่าจ้างสถาปนิก หรือนักออกแบบผู้เชี่ยวชาญ โดยค่าจ้างตรงนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของการออกแบบแปลนบ้าน การคำนวนพื้นที่ ค่าสำรวจหน้างาน ไปจนถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่ตกลงกับสถาปนิกแต่ละคน

- ค่าใช้จ่ายสำหรับการรีโนเวทและปรับปรุง

ค่าใช้จ่ายในการรีโนเวท ได้แก่ ค่าก่อสร้าง ค่าวัสดุ ไปจนถึงค่าทีมช่าง ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เราขอแนะนำให้เจรจาตกลงกับทีมช่างให้ดี และแบ่งจ่ายค่าจ้างเป็นงวด เพื่อช่วยให้ควบคุมคุณภาพของงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็น

นอกจากค่าใช้จ่ายด้านการรีโนเวทแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็น และควรเตรียมเอาไว้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าบ้านพักชั่วคราว หรือค่าใช้จ่ายสำรองกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้การรีโนเวทบ้านเป็นไปอย่างราบรื่น หรือหากมีปัญหาก็ยังนำเงินสำรองมาจัดการได้

 

วิธีจัดการงบประมาณในการรีโนเวทบ้าน เพื่อไม่ให้งบบานปลาย

นอกจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นที่ควรเตรียมพร้อม การจัดการงบประมาณอย่างเป็นระบบ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน เพื่อไม่ให้งบการรีโนเวทบ้านบานปลาย เรามีวิธีง่ายๆ มาแนะนำ ดังนี้

1. วางแผนการรีโนเวทให้ดี และทำตามแผนที่วางไว้

เพื่อไม่ให้งบบานปลาย สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือการวางแผนการรีโนเวทให้ดี และทำตามแผนที่วางไว้ เพราะหากทำการรีโนเวทเรื่อยๆ แบบไม่วางแผน บางครั้งก็อาจเกิดปัญหาหน้างานทำให้ต้องแก้ไขไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้งบประมาณในการรีโนเวทบานปลาย ดังนั้น ก่อนทำการรีโนเวทบ้านจึงควรกำหนดแผนการดำเนินงานให้ชัดเจนก่อน เพื่อช่วยให้สามารถควบคุมงบประมาณได้ดีมากขึ้น

2. เลือกสถาปนิก และผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญ

การเลือกผู้รับเหมา ถือเป็นส่วนสำคัญที่ต้องให้ความใส่ใจมากที่สุด เพราะผู้รับเหมาจะเป็นผู้รับผิดชอบการรีโนเวทบ้านในแทบทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสภาพโครงสร้างบ้าน ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ไปจนถึงการดูเรื่องกฎหมายการต่อเติม หากเลือกช่างที่ไม่มีประสบการณ์ เพื่อควบคุมงบประมาณ เมื่อเกิดปัญหาอาจทำให้ต้องเสียเงินซ้ำซ้อน ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้น การใช้งบลงทุนเลือกสถาปนิกที่มีความเชี่ยวชาญ ก็จะช่วยให้สามารถควบคุมงบประมาณได้ดีกว่า

3. ทำการศึกษาหาข้อมูลของสิ่งต่างๆ ที่ต้องใช้ในการรีโนเวทบ้าน

แม้จะจ้างผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ แต่การทำการบ้านหาข้อมูลและราคาของวัสดุต่างๆ ก็ยังมีความจำเป็น หากเราหาข้อมูลจากหลายๆ แหล่งแล้วนำมาเปรียบเทียบกัน ก็จะช่วยให้มีไอเดียในการเลือกวัสดุที่ราคาย่อมเยา และมีคุณภาพไปพร้อมๆ กันได้ ทั้งนี้ การขอคำปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากทีมช่างเพิ่มเติม ก็จะช่วยให้สามารถเลือกวัสดุที่ตอบโจทย์การรีโนเวทบ้านของเราได้มากที่สุดอีกด้วยย

4. แบ่งจ่ายงวดตามตกลง เมื่องานเสร็จตามขั้นตอน

สิ่งสำคัญที่อยากแนะนำเรื่องการจัดสรรงบไม่ให้บานปลาย คือการแบ่งจ่ายผู้รับเหมาตามงวด โดยขอแนะนำว่าไม่ควรจ่ายเงินก้อนเดียวให้ผู้รับเหมาจนหมด เพราะหากผู้รับเหมาทำงานไม่ตรงตามที่ต้องการ ก็อาจไม่สามารถเปลี่ยนผู้รับเหมาหรือแก้ไขได้ทัน ดังนั้น การจ่ายเป็นงวดๆ จึงการันตีผลลัพธ์ได้มากกว่า และช่วยป้องกันการที่ผู้รับเหมาจะเทงาน และเชิดเงินในขณะที่ยังทำงานไม่เสร็จได้

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อม ก็ถึงเวลาของการรีโนเวทบ้านเก่า จึงขอแนะนำและรวบรวมไอเดียแต่ละจุดต่างๆของบ้านที่ควรรีโนเวท เพื่อให้บ้านน่าอยู่ และสามารถปกป้องคนในบ้านได้อย่างยาวนาน จะมีอะไรบ้าง มาดูพร้อมกันเลย

ไอเดีย 1 : รีโนเวทดาดฟ้ารั่วซึมบ้านตึกแถวเก่า

ดาดฟ้าบ้านตึกแถวเก่า ถือเป็นจุดที่หลายคนมองข้าม เพราะเป็นพื้นที่ที่คนส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้มีการใช้สอยเท่าไหร่นัก จึงทำให้ขาดการดูแลและเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แต่ดาดฟ้านี่แหละที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาบ้านต่างๆ ตามมา ดังนั้นอย่ามองข้ามปัญหาดาดฟ้ารั่วซึม เพราะการรั่วซึมของน้ำอาจส่งผลต่อความเสียหายส่วนอื่นๆ ของบ้านจนบานปลาย

ปัญหาของดาดฟ้าส่วนใหญ่ มักเกิดการรั่วซึมซ้ำซาก ที่แก้เท่าไหร่ก็ไม่หาย

สาเหตุก็เพราะ มีการแก้ไขเรื่องดาดฟ้ารั่วซึมอย่างผิดวิธี ดังนั้นการรีโนเวทบ้านในส่วนของดาดฟ้า ควรแก้ไขตั้งแต่การติดตั้งระบบกันซึมดาดฟ้า และทาสี ตกแต่งให้สวยงาม

คลิกที่วิดีโอ ถ้าคุณอยากรู้ว่าการรีโนเวทดาดฟ้าหลังนี้มีขั้นตอนยังไง เพื่อไม่ให้กลับมารั่วซ้ำซาก https://bit.ly/4bCAM3Y

ไอเดีย 2 : รีโนเวทบ้านในส่วนของห้องโถง-ห้องนั่งเล่น ที่ผนังโป่งพอง หลุดล่อนอย่างหนัก

อาจมีหลายๆ บ้านที่เป็นเหมือนกัน ที่ผนังบ้านมีการโป่งพองทั้งที่ด้านหลังผนังไม่ได้ติดห้องน้ำ และภายนอกก็ไม่ได้เป็นสนามหญ้า แต่ผนังก็โป่งพองออกมา สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะความชื้นจากใต้ดิน ทำให้ความชื้นดันสีให้โป่งพอง ลอกล่อน ส่งผลให้บ้านดูเก่า โทรม โดยเฉพาะจุดที่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องโถง หรือห้องรับแขก เพื่อการแก้ปัญหาให้บ้านกลับมาสวยงาม สามารถเป็นบริเวณที่สามารถพักผ่อนหย่อนใจ และรับแขกได้อย่างไม่อายใคร เราก็มีวิธีแก้ไขปัญหาแบบครบระบบ จบเรื่องผนังโป่งพอง

 

จะรีโนเวทบ้าน แต่ทําไมผนังบ้านถึงโป่งพองแบบไม่ทราบสาเหตุ ต้องคลิกดูวิดีโอนี้ https://bit.ly/3w8tYun 

ไอเดีย 3 :  รีโนเวทบ้านในส่วนของห้องนอน ด้วยกฎทฤษฎี 60:30:10

ทฤษฎี หรือกฎ 60:30:10 คือ สัดส่วนของการเลือกใช้สี โดยแบ่งอัตราส่วนของสีภายในห้อง เป็น 3 ส่วน

 60 คือ สีหลัก ที่ใช้ในการคุมโทนห้อง แนะนําให้เป็นสีโทนอ่อน

 30 คือ สีรอง แนะนำให้เป็นสีที่โดดเด่นกว่าสีหลัก หรือใช้กับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ เพื่อสร้างให้ห้องมีมิติน่าสนใจขึ้น

 10 คือ สีไฮไลท์ ส่วนใหญ่จะเป็นสีโทนเข้มที่สุดหรือตรงข้ามกับสีรอง หรือใช้กับของตกแต่งชิ้นเล็กๆ  เพื่อสร้างจุดรวมสายตาให้ดูโดดเด่นขึ้น

(อัตราส่วนนี้รวมไปถึงสีของเฟอร์นิเจอร์ด้วย)

คลิกดูวิธีการทาสีตามทฤษฎี 60:30:10 และขั้นตอนการทาสีที่ดูแล้วสามารถทำตามเองได้ https://bit.ly/49iYGQf

หรือถ้าหากต้องการคำปรึกษา และออกแบบสี จากผู้เชี่ยวชาญ และทีมนักออกแบบมืออาชีพ

สามารถคลิกได้ที่นี่ https://bit.ly/3SHIyAP

ไอเดีย 4 :  รีโนเวทคอนโด เพื่อสร้างห้องแบบสวย เท่ ไม่ซ้ำใคร ด้วยสีสไตล์ลอฟท์

พื้นที่คอนโดทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะทาด้วยสีพื้นๆ เรียบๆ  การทำสีสร้างลาย หรือสีที่มีลูกเล่น อย่างเช่น สีสไตล์ลอฟท์ ก็สามารถช่วยเปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนมุมมองของห้องให้ สวย โดดเด่น มีสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

และนี่คือขั้นตอนการทำงานใช้สีลอฟท์ รีโนเวทคอนโดในส่วนของห้องนั่งเล่น ที่ง่าย ในแบบที่คุณเองก็ทำได้

สามารถดูได้ที่ https://bit.ly/48mAlHP

ไอเดีย 5 :  รีโนเวทบ้านในส่วนของห้องน้ำเก่าให้กลับมาสวยงามน่าใช้

บางครั้งเราอาจไม่จำเป็นต้องรีโนเวทบ้านทั้งหลัง เพราะการรีโนเวทบ้านในแค่บางส่วน บางห้อง ก็ทําให้บ้านกลับมาดูดีได้ อย่างเช่น ปัญหาห้องน้ำเก่าโทรม ก็สามารถแก้ไขรีโนเวทเฉพาะในส่วนของห้องน้ำได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของการรีโนเวทห้องน้ำ คือการทำระบบกันซึมให้ครบระบบ เพื่อป้องกันปัญหาการรั่วซึมของน้ำไปยังพื้นใต้ดิน หรือเพดานชั้นล่าง ซึ่งส่งผลทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนอื่นๆ ของบ้านได้

อยากรีโนเวทบ้านในส่วนของห้องน้ำ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ดูวิดีโอนี้ได้เลย https://bit.ly/49wgiI8

ไอเดีย 6 :  รีโนเวทบ้านเก่าราคาประหยัด ด้วยการทาสีผนังเปลี่ยนบรรยากาศ

หากอยากรีโนเวทบ้านเก่า ด้วยงบประมาณที่จำกัด การทาสีผนังเปลี่ยนบรรยากาศก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียรีโนเวทบ้านที่ตอบโจทย์ เพราะการทาสีบ้านใหม่นอกจากจะไม่ต้องทุบ รื้อ หรือต่อเติมอะไรมากมาย การทาสีใหม่ยังช่วยให้บรรยากาศของบ้านเปลี่ยนไป เหมือนได้บ้านใหม่เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม การเลือกสีก็ขึ้นอยู่บรรยากาศและสไตล์ที่ต้องการ หากต้องการให้บ้านดูกว้างขึ้น ก็อาจใช้สีโทนอ่อน โทนสว่าง หรือหากอยากให้บ้านดูสงบ สไตล์โมเดิร์น ก็อาจใช้สีทึบๆ หรือสีลอฟต์ก็จะช่วยสร้างความทันสมัยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ หากอยากให้รีโนเวทแล้วบ้านมีลูกเล่นเพิ่มเติม ก็อาจใช้วิธีเปลี่ยนวัสดุของผนัง เช่น เปลี่ยนไม้เป็นปูน หรือใช้ผนังวอลล์เปเปอร์ ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศใหม่ๆ ให้บ้านของคุณได้มากยิ่งขึ้น

ไอเดีย 7 :  รีโนเวทบ้านด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดบ้าน เฟอร์นิเจอร์ หรือแผนผังพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน

อีกหนึ่งไอเดียรีโนเวทบ้านที่เราอยากแนะนำ โดยไม่ต้องใช้งบประมาณใดๆ ก็คือการปรับผังห้องใหม่ หรือการย้ายเฟอร์นิเจอร์ไปในตำแหน่งที่ไม่เหมือนเดิม เพราะนอกจากจะช่วยปรับเปลี่ยนให้รูปแบบของห้อง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนอยู่อาศัยมากที่สุดแล้ว วิธีนี้ยังไม่จำเป็นต้องซื้อวัสดุอะไรเพิ่มเติม ไม่ต้องรื้อทุบให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนได้บ้านใหม่เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยในบ้านเท่านั้น เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยสร้างบรรยากาศใหม่ๆ ในบ้านได้ ทำให้รู้สึกเหมือนรีโนเวทบ้านครั้งใหญ่ได้แบบไม่ต้องใช้งบประมาณอะไรเลย

ขอขอบคุณ ภาพและบทความจาก www.toagroup.com


ปัญหาเรื่องบ้านที่น่าสนใจ