สีกับเทศกาลรอบโลก

สีกับเทศกาลรอบโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมและประเพณี การฉลองเทศกาลต่างๆ เป็นหนึ่งในวิธีที่เราทุกคนสามารถเชื่อมโยงและเข้าใจซึ่งกันและกันได้ 

เราขอชวนคุณไปสำรวจเทศกาลทั่วโลก พร้อมชวนมาทำความรู้จักความหมายของสีสันต่างๆ ของในแต่ละเทศกาลกัน

วันตรุษจีน (CHINESE NEW YEAR)

ส่วนใหญ่จะอยู่ ระหว่างวันที่ 21 มกราคมถึง 20 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันที่ชาวจีนทั่วโลกจัดงานเฉลิมฉลองทั้งครอบครัว โดยมีความเชื่อว่าการเฉลิมฉลองนี้สามารถขับไล่ความชั่วร้ายและนำโชคดีมาสู่ชีวิต

• สีที่โดดเด่นในเทศกาลตรุษจีนคือสีแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสุข ความมั่งคั่ง และโชคดี นอกจากนี้ยังมีการแขวนโคมไฟสีแดงและป้ายข้อความมงคล รวมถึงมีการจัดงานเลี้ยง การแสดงเช่นการจุดประทัด เชิดสิงโต เพื่อการเฉลิมฉลอง

วันวาเลนไทน์ (VALENTINE’S DAY)

จัดขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันที่ผู้คนแสดงความรักและความเอาใจใส่ต่อกันและกันผ่านการส่งข้อความ ของขวัญ และการดินเนอร์แสนโรแมนติก เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ ตำนานเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์เริ่มต้นจากนักบุญวาเลนไทน์ ซึ่งมีหลายเรื่องราวที่เล่าขานกัน หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของนักบุญที่ทำพิธีแต่งงานให้กับคู่รักที่ถูกห้ามไม่ให้แต่งงานในยุคโรมันโบราณ

• สีหลักของวันวาเลนไทน์คือสีแดงและสีชมพู ซึ่งแสดงถึงความรัก ความหลงใหล และความเอาใจใส่

 

เทศกาลโฮลี (HOIL FESTIVAL)

จะตรงกับช่วงกลางเดือนมีนาคมของทุกปีในประเทศอินเดีย

การเฉลิมฉลองของเทศกาลนี้ ผู้คนจะโปรยผงสีที่มีสีสันสดใสให้กัน โดยในแต่ละเฉดสีก็มีความหมายมงคลแตกต่างกันไป เช่น

• สีชมพูแสดงถึงความรัก

• สีเหลืองแสดงถึงความมั่งคั่ง

• สีเขียวแสดงถึงความมีชีวิตชีวา

เป็นการเฉลิมฉลองที่แสดงถึงความหลากหลายและความสดใสของชีวิต

วันเซนต์แพทริค (ST. PATRICK’S DAY)

จัดขึ้นในวันที่ 17 มีนาคมของทุกปี เป็นเทศกาลที่สำคัญและมีความหมายอย่างลึกซึ้งในวัฒนธรรมไอริช ในวันเซนต์แพทริค สีเขียวเป็นสัญลักษณ์หลักที่ใช้ในการแต่งกายและตกแต่ง เพื่อแสดงถึงสีของเกาะไอร์แลนด์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Emerald Isle" เนื่องจากธรรมชาติที่เขียวชอุ่ม 

• สีเขียวยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความเจริญ และการเติบโต รวมถึงใบโคลเวอร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ในวัฒนธรรมไอริช

นอกจากนี้ยังมีการจัดพาเหรดขบวนแห่ในหลายเมืองทั่วโลก และเฉลิมฉลองด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเขียวด้วย

เทศกาลฮาโลวีน (HALLOWEEN DAY)

จัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี วันฮาโลวีนมีรากฐานมาจากเทศกาล 'ซาวิน' ซึ่งเป็นเทศกาลโบราณของชาวเซลติกและได้ผสมผสานกับประเพณีคริสต์มาสจนกลายเป็นวันที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

• สีดำ  สัญลักษณ์ของความลึกลับและความมืด

เป็นสีหลักที่ถูกใช้ในการฉลองวันฮาโลวีน

• สีส้ม  สัญลักษณ์ของการเก็บเกี่ยวและความมั่งคั่ง

สีส้มเป็นสีที่สื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงและการเก็บเกี่ยว ในวันฮาโลวีน สีนี้มักจะปรากฏในรูปแบบของฟักทองและตกแต่งต่างๆ สีส้มยังหมายถึงความมั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์

วันอีสเตอร์ (EASTER DAY)

โดยปกติจะตรงกับช่วงระหว่างวันที่ 22 มีนาคม ถึง 25 เมษายนของทุกปี วันนี้เป็นวันที่สำคัญในการแสดงถึงความหวังและการเริ่มต้นใหม่ ในงานเทศกาลจะมีการจัดเลี้ยงอาหาร และเล่นเกมหาไข่อีสเตอร์ที่เต็มไปด้วยความสนุกและมีสีสัน

วันอีสเตอร์มีต้นกำเนิดจากความเชื่อของศาสนาคริสต์ในการฟื้นคืนชีพของพระเยซูหลังจากถูกตรึงกางเขน การฉลองนี้มีความหมายสำคัญในการแสดงถึงชัยชนะเหนือความตาย และนำความหวังมาสู่ผู้เชื่อ วันอีสเตอร์ยังเป็นวันที่มีการเฉลิมฉลองการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลจากหนาวเป็นร้อนอีกด้วย

สีสัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์มักจะเป็นสีสดใส เช่น

• สีชมพู สื่อถึงความรัก ความมีชีวิตชีวา และความสดใส

• สีเหลือง สัญลักษณ์ของความหวังและความสุข

• สีฟ้า สัญลักษณ์ของความสงบและความศรัทธา

โดยรวมแล้ว เฉดสีทั้งหมดจะสื่อถึงการเริ่มต้นใหม่และความสุข 

วันคริสต์มาส (CHRISTMAS DAY)

จัดขึ้นในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี โดยเริ่มต้นจากการเป็นเทศกาลทางศาสนาคริสต์ เพื่อเฉลิมฉลองการเกิดของพระเยซูคริสต์ ซึ่งตามความเชื่อคือบุตรของพระเจ้าที่เกิดในเมืองเบธเลเฮม ประเทศปาเลสไตน์ ความเชื่อนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก และได้รับการยอมรับว่าเป็นวันที่สำคัญทางศาสนา

ต่อมาคริสต์มาสได้กลายเป็นเทศกาลที่มีผู้คนจากหลายวัฒนธรรมเฉลิมฉลอง ผู้คนในหลายประเทศรวมตัวกันกับครอบครัวและเพื่อนฝูง เพื่อแบ่งปันความรัก ความสุข และเป็นโอกาสในการให้และรับของขวัญ

ในเทศกาลคริสต์มาส สีแดง สีเขียว และสีทองเป็นสีหลักที่ใช้ในการตกแต่ง 

• สีแดง แสดงถึงความรักและความอบอุ่น 

• สีเขียว เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและความหวัง

• สีทอง แสดงถึงความร่ำรวยและการเฉลิมฉลอง

ควันซ่า (Kwanzaa)

เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองมรดกทางวัฒนธรรมและค่านิยมดั้งเดิมของคนแอฟริกันอเมริกัน โดยเทศกาลจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคมไปจนถึงวันปีใหม่ของทุกปี โดยมีสีแดง สีดำ และสีเขียว เป็นสีหลักที่ใช้ในการฉลอง 

• สีแดง แสดงถึงการต่อสู้ และความเข้มแข็ง

• สีดำ แสดงถึงคนแอฟริกันและคนแอฟริกัน-อเมริกัน

• สีเขียว แสดงถึงอนาคตและความหวัง 

การฉลองประกอบด้วยการจุดเทียน เต้นรำ การแสดงดนตรี และการประกาศความเชื่อมั่นในหลักการเจ็ดประการของควันซ่า ที่ประกอบด้วย 

1. อูโมจา (Umoja) หมายถึง "ความสามัคคี" การร่วมมือและการรักษาความสามัคคีในชุมชน, ครอบครัว และเผ่าพันธุ์ 

2. คูจิจากูเลีย (Kujichagulia) หมายถึง "การกำหนดเอกลักษณ์ของตนเอง" การมีอิสระในการกำหนด, สร้าง และพูดเพื่อตัวเองและชุมชน 

3. อูจิมา (Ujima) หมายถึง "การทำงานร่วมกันและรับผิดชอบ" การร่วมสร้าง และร่วมมือรักษาชุมชนของตนเอง

4. อูจามา (Ujamaa) หมายถึง การสร้างเศรษฐกิจที่อยู่บนพื้นฐานของการร่วมมือกันในสังคม แทนที่จะเป็นการแข่งขันกันเอง

5. นีอา (Nia) หมายถึง "จุดมุ่งหมาย" การทำงานร่วมกันเพื่อสร้างชุมชนที่มีจุดมุ่งหมาย และสร้างการพัฒนาให้กับชุมชน 

6. คุมบา (Kuumba) หมายถึง "ความคิดสร้างสรรค์" การทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ชุมชนสวยงามและเป็นประโชยน์มากกว่าที่เคยมีมา เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นต่อไป 

7. อิมานิ (Imani) หมายถึง "ความเชื่อมั่น" เชื่อมั่นในผู้คนของเรา, ครูของเรา, ผู้นำของเรา, และชัยชนะของการต่อสู้ของเรา

แต่ละหลักการเหล่านี้เป็นหัวใจของควันซ่าและสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและคุณค่าที่ชุมชนแอฟริกัน-อเมริกันยึดถือและฉลองกันในช่วงเวลานี้ของปี

เรื่องสีกับเทศกาลพอเรารู้ที่มาที่ไปว่าสีของแต่ละเทศกาลนั้นมีความหมายที่ดี สนุก ลึกซื้ง เรียกได้ว่าทุกสีสันสวยงามและมีวามหมายดีๆ ในตัวเองอีกด้วย


ปัญหาเรื่องบ้านที่น่าสนใจ