ในยุคที่ต้องเผชิญกับมลภาวะและการระบาดของไวรัสโควิด-19 การดูแลสุขภาพด้วยธรรมชาติจึงกลายเป็นเทรนด์ยอดนิยมในตอนนี้ โดยเฉพาะการต้มสมุนไพรนานาชนิดใน 
หม้อต้มสมุนไพร เพื่อนำมาบริโภคในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้น ในวันนี้ 
HomeGuru จะพาคุณมาเปิดสูตรต้มเครื่องดื่มสมุนไพรพื้นบ้านฉบับมือใหม่ ที่สามารถนำมาต้มใน หม้อต้มสมุนไพรสแตนเลส ได้ง่าย ๆ ช่วยให้สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก
     
  การดื่มน้ำสมุนไพร นับว่าเป็นวิธีการดูแลสุขภาพด้วยธรรมชาติบำบัด ที่เป็นมิตรกับร่างกาย ทั้งยังต้มน้ำสมุนไพรเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน
   1. ข้อดีการทำน้ำสมุนไพร จาก หม้อต้มสมุนไพร 2. สมุนไพรไทยใกล้ตัว เสริมภูมิร่างกายให้แข็งแรง 3. หลักการง่าย ๆ เลือกสมุนไพรให้เหมาะสม 4. แนะนำ !! สูตรเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สร้างภูมิคุ้มกันด้วย หม้อต้มสมุนไพร    
 ข้อดีของการทำน้ำสมุนไพร จาก หม้อต้มสมุนไพร 
 ต้องยอมรับเลยว่าพืชสมุนไพรเป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานอาหารแต่ละชนิดที่บริโภคก็มักมีส่วนผสมของสมุนไพรอยู่หลากหลายชนิดเช่นเดียวกับเครื่องดื่มสมุนไพรหนึ่งในเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่นอกจากจะช่วยดับกระหายแล้วสรรพคุณของสมุนไพรยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายๆด้านซึ่งก็มีหลายๆคนที่ใช้สมุนไพรในการรักษาโรคร้ายจนหายดีเป็นปกติ  แต่ข้อจำกัดของการซื้อน้ำสมุนไพรที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดบางครั้งอาจไม่ได้ตอบโจทย์สักเท่าไหร่เพราะอาจมีการใส่น้ำตาลเพื่อเพิ่มความหวานหรือขั้นตอนการทำไม่ได้สะอาดมากนักเพราะฉะนั้นการต้มสมุนไพรดื่มด้วยตัวเองด้วยการใช้หม้อต้มสมุนไพรสแตนเลส หรือใช้ 
กระติกน้ำร้อน จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพเพราะสามารถทำน้ำสมุนไพรได้หลากหลายเมนูปรับเปลี่ยนสัดส่วนสมุนไพรได้ตามความเหมาะสมแล้ว
    
 สมุนไพรไทยใกล้ตัว เสริมภูมิร่างกายให้แข็งแรง
 1. ขิง
 คุณประโยชน์
 • มีวิตามิน เอ บี และซี  • ช่วยให้ขับเหงื่อได้ดี
   • แก้จุกเสียด แน่นท้อง
   • ช่วยขับลม
   • บำรุงหัวใจ
   • แก้อาการไอและคันคอ
  ข้อควรระวัง 
 หากกินน้ำขิงไม่ควรทานติดต่อกันหลายวันเนื่องจากอาจก่อให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้
  2. ตะไคร้ 
 คุณประโยชน์ 
 • มีวิตามินอี บี ซี
   • ให้แร่ธาตุสูง
   • ช่วยเรื่องแก้หวัด เป็นไข้ ปวดศีรษะ และแก้ไอได้
   • ช่วยเรื่องขับลม ท้องอืด และท้องเฟ้อ
   • แก้ปัสสาวะขัด หรืออาการปวดแสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะ
   • บำรุงสายตา กระดูก และฟันให้แข็งแรง
  ข้อควรระวัง 
 หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงใกล้คลอดไม่ควรรับประทานตะไคร้มากเกินไปเพราะตะไคร้มีฤทธิ์ทำให้มดลูกบีบตัวและผู้ป่วยโรคไตควรระมัดระวังเรื่องการดื่มน้ำตะไคร้เพราะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
  3. กระชายขาว 
 คุณประโยชน์ 
 • จากผลกระวิจัยพบว่า ในกระชายขาวมีสารแพนดูราทินเอและพิโนสโตบิน ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัสโควิด-19 ได้
   • ช่วยต้านอาการหวัด หน้ามืด และวิงเวียนศีรษะ
   • ช่วยลดไขมันในเลือด
   • บำรุงหัวใจ  • แก้อาการท้องอืดและท้องเฟ้อ
   • ช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศชาย
  ข้อควรระวัง 
 ไม่ควรทานกระชายขาวมากเกินไปเพราะจะทำให้เกิดอาการร้อนในร่างกายและอาจเกิดปัญหาใจสั่นที่สำคัญคือหากทำทานควรทำแบบต้มสุกเช่นการต้มด้วยหม้อต้มสมุนไพรสแตนเลสหรือปรุงเป็นอาหารเท่านั้น
     
 4. ฟ้าทะลายโจร 
 คุณประโยชน์ 
 • แก้อาการปวดหัว ตัวร้อน
   • ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด ไอ และเจ็บคอ
   • มีฤทธิ์ขับเสมหะ ทำให้กินแล้วรู้สึกชุ่มคอ
   • สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่ส่งผลและเป็นปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ
  ข้อควรระวัง 
 การทานฟ้าทลายโจรหากเป็นไข้สามารถทานเป็นใบสดได้เพื่อช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันแต่ในกรณีที่กินแบบแคปซูลห้ามกินเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 เด็ดขาดเพราะไม่ได้มีสรรพคุณในการป้องกันโควิดที่สำคัญควรกินตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น 
5. ใบกะเพรา 
 คุณประโยชน์ 
 • ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ป้องกันไข้หวัด
   • บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน
   • ช่วยการขับลมในกระเพาะอาหาร และอาการจุกเสียด
   • ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
   • รักษาอาการกรดไหลย้อน
   • ลดระดับไขมันและน้ำตาลในเลือด
  ข้อควรระวัง 
 ไม่ควรบริโภคในปริมาณมากเพราะกะเพรามีฤทธิ์ในการชะลอการแข็งตัวของเลือดควรหลีกเลี่ยงการกินในปริมาณมากหากมีการเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือในระหว่างที่ต้องกินยาที่มีฤทธิ์ชะลอการแข็งตัวของเลือดเช่นยาแอสไพริน
  6. ข่า 
 คุณประโยชน์ 
 • เหง้าของข่ามีฤทธิ์ยับยั้งการเกิดโรคมะเร็ง จึงช่วยป้องกันโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งได้
   • ช่วยลดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง เหมาะสำหรับการนำมาต้มด้วย หม้อต้มสมุนไพรสแตนเลส เพื่อทำเป็นเครื่องดื่ม  • ส่วนเหง้าช่วยรักษาโรคต่าง ๆ อาทิ หลอดลมอักเสบ เบาหวาน หอบหืด โรคผิวหนังต่าง ๆ 
   • ส่วนรากช่วยขับเลือดลมให้เดินสะดวก และเพิ่มการเผาผลาญของร่างกาย
   • น้ำมันหอมระเหยจากข่า ช่วยลดอาการหวัด ไอ และเจ็บคอ
   • ช่วยแก้ลมและแน่นหน้าอก
   • ช่วยขับเสมหะ
   • ส่วนของผลช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล และช่วยต้านอนุมูลอิสระ
   • ฯลฯ
  ข้อควรระวัง 
 ไม่ควรบริโภคเป็นจำนวนมากเพราะจะทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกตินอกจากนี้ผู้ป่วยนิ่วในถุงน้ำดีควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี
  และหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานในปริมาณมาก เพราะอาจส่งผลให้แท้งได้
  7. มะกรูด 
 คุณประโยชน์ 
 • แก้อาการกรดไหลย้อน
   • บรรเทาอาการภูมิแพ้
   • ช่วยแก้อาการไอ เจ็บคอ และขับเสมหะ
   • ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด  • ช่วยขับลม ท้องอืด และจุกเสียดแน่น
   • บรรเทาอาการภูมิแพ้
   • บำรุงหัวใจ
   • ต้านอนุมูลอิสระได้สูง ช่วยยับยั้งและชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
  ข้อควรระวัง 
 น้ำมะกรูดมีความเป็นกรดสูงต้องระมัดระวังหากรับประทานในขณะที่ท้องยังว่างนอกจากนี้การใช้น้ำมันหอมระเหยกับผิวหนังในปริมาณมากเกินไปควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือโดนแสงเพราะน้ำมันจากมะกรูดจะก่อให้เกิดพิษเมื่อสัมผัสกับแสง
    
 หลักการง่าย ๆ เลือกสมุนไพรให้เหมาะสม
 ถึงแม้ว่า
สมุนไพรแต่ละชนิดจะสามารถนำมาต้มเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรได้ด้วยหม้อต้มสมุนไพรแต่ควรทำความเข้าใจกับธรรมชาติของสมุนไพรแต่ละชนิดรวมถึงการใช้อย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้เป็นผลเสียต่อร่างกายด้วยเช่นกันเพราะฉะนั้น 
HomeGuru จะมาแนะนำวิธีการเลือกสมุนไพรเป็นผลการวิจัยและการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกมหาวิทยาลัยมหิดลดังนี้
  1. ถูกต้น 
 โดยเฉพาะสมุนไพรที่มีชื่อคล้ายคลึงกันหรือเป็นพืชเฉพาะของท้องถิ่นที่อาจมีการเรียกชื่อแตกต่างกันเพราะฉะนั้นควรใช้ชื่อกลางหรือก็คือชื่อพฤกษศาสตร์เพื่อป้องกันการใช้ที่ผิดพลาด
  2. ถูกส่วน 
 พืชแต่ละส่วนจะให้สรรพคุณที่แตกต่างกันออกไปเพราะมีองค์ประกอบหรือสาระสำคัญที่ไม่เหมือนกันซึ่งก่อนจะนำสมุนไพรลงหม้อต้มสมุนไพรสแตนเลสควรศึกษาก่อนว่าจะใช้ส่วนไหนของพืชไม่ว่าจะเป็นรากดอกใบเปลือกผลและเมล็ด 
3. ถูกขนาด 
 ถึงแม้ว่าตัวยาไม่ได้เป็นอันตรายแต่การเลือกบริโภคควรอยู่ในปริมาณที่พอดีโดยเฉพาะช่วงวัยของแต่ละคนรวมถึงสุขภาพที่แตกต่างกันเช่นหญิงมีครรภ์อาจจะต้องหลีกเลี่ยงน้ำสมุนไพรบางประเภทเป็นต้น
  4. ถูกวิธี
 การนำสมุนไพรมาใช้ต้องเลือกวิธีที่เหมาะสมด้วยเช่นสมุนไพรบางชนิดอาจไม่เหมาะกับการต้มถึงแม้จะมีสรรพคุณที่ต้องการแต่การสกัดที่ผิดวิธีก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ซึ่งการต้มน้ำสมุนไพรด้วยหม้อต้มสมุนไพรสแตนเลสแนะนำว่าให้เลือกใช้เฉพาะสมุนไพรพื้นฐานโดยทั่วๆไปจะดีกว่า
  5. ถูกโรค
 สุดท้ายแล้วการจะทำเครื่องดื่มสมุนไพรสิ่งสำคัญคือการใช้ให้ถูกกับโรคซึ่งถ้าหากดื่มเพื่อสร้างภูมิทั่วๆไปก็สามารถต้มสมุนไพรตามสูตรได้เลยแต่หากใช้รักษาโรคอาจจะต้องปรึกษาแพทย์แผนไทยก่อนเพื่อความปลอดภัย
     
 แนะนำ !! สูตรเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สร้างภูมิคุ้มกันด้วย หม้อต้มสมุนไพร 
 1. น้ำสมุนไพร 3 ชนิด แก้หวัดและสร้างภูมิ  
 ส่วนผสม 
 • ข่า
   • ใบกะเพรา
   • กระชาย  • น้ำ 1.5 ลิตร
  วิธีทำ 
 • นำข่าและกระชายมาทุบเพื่อให้กลิ่นและสรรพคุณออกมาก่อน
   • นำน้ำใส่ หม้อต้มสมุนไพร หลังจากนั้นใส่สมุนไพรทั้งหมดลงไป
   • ต้มประมาณ 20 – 30 นาที
  วิธีดื่มหรือใช้ 
 สามารถดื่มอุ่น ๆ
  ได้ 1 – 2 แก้ว / วัน นอกจากนี้ สามารถนำมาอบหรือสูดดมเพื่อลดอาการคัดจมูก ไอ และมีเสมหะได้
  2. น้ำสมุนไพรรวมต้านโรค กำจัดเชื้อ 
 ส่วนผสม 
 • ขิง
   • ข่า 5 – 6 ชิ้น
   • มะกรูด 2 ลูก
   • ใบมะกรูด 5 ใบ
   • ตะไคร้ 2 – 3 ท่อน
   • กระชาย 10 ชิ้น
   • ใบเตย 5 ใบ
   • หอมแดง 5 หัว
   • น้ำ 1.5 ลิตร
  วิธีทำ 
 • นำสมุนไพรและใบเตยลงใน หม้อต้มสมุนไพร
   • ใส่น้ำ 1.5 ลิตร ลงในหม้อต้ม
   • ต้มจนกว่าสมุนไพรและน้ำจะเปลี่ยนสี ประมาณ 20 – 30 นาที
  วิธีดื่มหรือใช้ 
 สามารถดื่มอุ่น ๆ ได้ วันละ 1 แก้ว เพื่อทำให้ร่างกายสดชื่นและช่วยสร้างภูมิ หรือนำมาอบ 2 – 3 ครั้ง/วัน เพื่อช่วยให้หายใจสะดวก แก้อาการไอ ขับเสมหะ และช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกมาทางเหงื่อ
  3. น้ำสมุนไพรสามเกลอ สร้างภูมิคุ้มกัน 
 ส่วนผสม
 • ขิง 30 กรัม
   • มะขามป้อม 20 กรัม
   • ขมิ้นชัน 10 กรัม
   • น้ำเปล่า 2 ลิตร
  วิธีทำ 
 • นำน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ ใส่ลงใน หม้อต้มสมุนไพรสแตนเลส
   • ต้มจนเดือดประมาณ 15 - 20 นาที
   • เคี่ยวต่ออีก 15 นาที
  วิธีดื่มหรือใช้ 
 สามารถดื่มตอนอุ่นๆได้วันละ 1 – 2 แก้วหากใครยังไม่ชินกับการดื่มน้ำขิงหรือน้ำสมุนไพรสามารถนำน้ำมะขามเปียกหรือน้ำผึ้งมาผสมก่อนดื่มได้
   จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการต้มเครื่องดื่มสมุนไพรด้วยหม้อต้มสมุนไพรที่สามารถต้มเองได้ง่ายๆที่บ้านซึ่งสมุนไพรแต่ละชนิดที่ทาง 
HomeGuru นำมาแนะนำให้กับคุณในวันนี้ก็สามารถหาได้ตามท้องตลาดทั่วไปสามารถต้มแล้วเอามาดื่มเป็นเครื่องดื่มในชีวิตประจำวันได้เลยนอกจากนี้หากคุณอยากจะได้หม้อต้มสมุนไพรสแตนเลสที่ใช้งานได้อย่างหลากหลายก็สามารถเข้ามาเลือกซื้อได้ที่ HomePro ทุกสาขา