วิธีเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา ต้องเลือกแบบไหน

วิธีเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา ต้องเลือกแบบไหน
ปัญหามลภาวะฝุ่น PM 2.5 นับว่าเป็นปัญหาที่เราต้องเผชิญกันอยู่เสมอ การใช้ เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา ในยามที่ต้องเดินทางออกไปนอกบ้าน จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการดูแลสุขภาพ ซึ่ง เครื่องฟอกอากาศพกพา ก็มีวางจำหน่ายหลากหลายยี่ห้อ โดยแต่ละรุ่นก็มีโหมดการใช้งาน หรือฟังก์ชันที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ HomeGuru จะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ และแบบพกพาขนาดกะทัดรัด ที่สามารถพกติดตัวได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องปัญหาฝุ่นควัน และมลภาวะในชีวิตประจำวันอีกต่อไป เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา วิธีการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศพกพา ไม่ใช่แค่การเลือกซื้อตามรูปลักษณ์เท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพในการใช้งาน และฟังก์ชันต่าง ๆ ที่มีมาให้ด้วยเช่นกัน  1. ความต้องการในการใช้งาน เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา 2. ขนาด น้ำหนัก และความง่ายต่อการพกพา 3. ประจุลบต้องเพียงพอต่อการกำจัดฝุ่น 4. ระยะเวลาในการทำงาน 5. การใช้งานของ เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา 6. ราคา และข้อมูลอื่น ๆ  เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา

1. ความต้องการในการใช้งาน เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา 

ก่อนตัดสินใจว่า จะเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศพกพา แบบไหน ต้องดูก่อนว่าคุณต้องการใช้ในสถานการณ์ไหนบ้าง และสภาพแวดล้อมในการใช้งานเป็นอย่างไร เช่น หากเป็นพนักงานออฟฟิศที่ไม่ได้เดินทางออกไปข้างนอกบ่อย ๆ เพื่อเผชิญกับฝุ่นควัน หรือมลภาวะตลอดเวลา อาจลองมองหาแบบตั้งโต๊ะ เพราะจะทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดเวลาพกพา หรือต้องคล้องคอตลอดเวลา  ในขณะเดียวกัน หากคุณเป็นคนที่ออกนอกพื้นที่บ่อย ๆ เดินทางตลอดเวลา ต้องใช้รถโดยสารสาธารณะในการเดินทาง อาจจะเลือกใช้ เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ ที่สามารถคล้องคอเวลาออกนอกพื้นที่ได้ ทั้งยังสามารถนำไปวางไว้บนโต๊ะที่ทำงานได้ด้วย เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศรูปแบบนี้ นับว่ามีดีไซน์ที่หลากหลายรูปแบบ ทำให้เลือกสรรได้ง่ายต่อความต้องการในการใช้งาน  เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา

2. ขนาด น้ำหนัก และความง่ายต่อการพกพา 

การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่ดี โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องใช้นอกสถานที่ ต้องคำนึงถึงเรื่องของขนาดและน้ำหนักเป็นสำคัญ เพราะจะทำให้รู้ว่า มีความสะดวกสบายต่อการพกติดตัวหรือไม่ หากนำไปใช้นอกสถานที่จะเกะกะมากน้อยแค่ไหน เช่น ในกรณีที่เลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ ก็ต้องเลือกเครื่องที่เบา ไม่มีน้ำหนักมากไป สามารถห้อยคอได้โดยไม่รู้สึกหงุดหงิด หรือรู้สึกรำคาญใจ  อย่าลืมว่า อากาศโดยปกติของประเทศไทยค่อนข้างร้อนอบอ้าว บางครั้งก็มีเหงื่อจนทำให้รู้สึกไม่สบายตัว โดยน้ำหนักที่ทาง HomeGuru แนะนำก็คือ เครื่องฟอกอากาศขนาดพกพา ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 50 กรัม เพราะสามารถคล้องคอได้ทั้งวันแบบสบาย ๆ โดยไม่รู้สึกหนัก

3. ประจุลบต้องเพียงพอต่อการกำจัดฝุ่น 

นอกเหนือจากขนาดและน้ำหนักของ เครื่องฟอกอากาศพกพา แล้ว อย่าลืมดูว่ารุ่นที่จะซื้อมีประจุลบที่เพียงพอหรือไม่ เนื่องจากประจุลบที่ปล่อยออกมา จะคอยทำหน้าที่กำจัดฝุ่นที่มีอนุภาคเล็ก ๆ ที่อาจเล็ดลอดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ เช่น PM 2.5 ซึ่งจำนวนของประจุลบของตัวเครื่อง จะระบุเอาไว้ตามสเปกของเครื่องฟอกอากาศ เช่น 6 ล้านประจุ / ลบ.ซม.  เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา

4. ระยะเวลาในการทำงาน 

สิ่งสำคัญของการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ หรือแบบตั้งโต๊ะก็คือ การดูระยะเวลาในการทำงานของตัวเครื่อง เพราะฉะนั้น ต้องคำนึงด้วยว่า ประสิทธิภาพของการใช้งานอย่างต่อเนื่อง มีระยะเวลาเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไหร่ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ซึ่งบางรุ่นก็อาจมาพร้อมกับราคาที่ถูก แต่ก็แลกมากับระยะเวลาการทำงานที่ไม่นานสักเท่าไหร่ ต้องคอยชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มบ่อยครั้ง เป็นต้น ทั้งนี้ ตัวเครื่องที่เหมาะสมต่อการซื้อมาพกพา ก็คือ ต้องสามารถทำงานได้ไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง ซึ่งบางรุ่นก็สามารถทำงานได้ยาวนานถึง 15 ชั่วโมง เพราะอย่าลืมว่า บางวันเราก็ต้องเสียเวลากับการจราจรที่ติดขัด การเดินทางที่หลายต่อ จนทำให้ระยะเวลาในการอยู่นอกบ้านในแต่ละวัน มีเวลาที่ยาวนานมากขึ้นตามไปด้วย หากไม่ได้ซื้อรุ่นที่รองรับการทำงานที่นานมากกว่า 8 ชั่วโมง ก็อาจจะต้องมานั่งชาร์จไฟระหว่างวัน จนกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากได้ 

5. การใช้งานของ เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา 

ถึงแม้ว่า เครื่องฟอกอากาศพกพา จะมาพร้อมกับความมินิมอล ขนาดกะทัดรัด และราคาที่เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋า แต่ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อรุ่นไหนก็ตาม HomeGuru ขอให้คุณดูก่อนว่า ตัวรุ่นที่จะซื้อมาใช้งานนั้น มีฟังก์ชันในการใช้งานอะไรบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อ

1. การชาร์จด้วยสาย USB 

จะเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา ทั้งที ก็ควรเลือกรุ่นที่สามารถชาร์จไฟได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้สาย USB เพราะในกรณีที่เราลืมชาร์จไฟมาจากที่บ้าน ก็อาจทำให้แบตเตอรี่หมดกลางคัน และไม่สามารถใช้งานต่อได้ ดังนั้น ควรเลือกรุ่นที่สามารถชาร์จไฟด้วยสาย USB จะดีกว่า เพราะนอกจากจะชาร์จไฟได้ทุกที่ทุกเวลาแล้ว ยังไม่ต้องกังวลว่าต้องหาปลั๊กไฟในการต่อเพื่อชาร์จด้วย เพราะเพียงแค่เสียบเข้ากับ Power Bank ก็สามารถชาร์จไฟได้ ทั้งยังสะดวกสบาย โดยเฉพาะในกรณีที่เดินทางไปต่างจังหวัด หรือไปเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ 

เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา

2. การเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศ 

เครื่องกรองอากาศแบบพกพาในบางรุ่น ก็จะต้องเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศอยู่เสมอ เพื่อให้เครื่องมีความสะอาดและฟอกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้น หากคุณรู้สึกว่าการเปลี่ยนแผ่นกรองดูยุ่งยาก วุ่นวาย และสิ้นเปลือง อาจลองเลือกใช้เครื่องที่สามารถทำความสะอาดแผ่นกรองได้ (Self-Cleaning) เพียงเลือกใช้ฟังก์ชันการทำความสะอาดแบบอัตโนมัติ เพื่อลดความวุ่นวายในส่วนนี้ลง สามารถหยิบจับมาใช้งานได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องมานั่งพะวงว่าต้องเปลี่ยนแผ่นกรองเมื่อไหร่  

3. เครื่องฟอกแบบอโรมา 

จริงอยู่ที่ว่าการมีกลิ่นหอม ๆ สามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ แต่การเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศพกพา ไม่ควรเลือกซื้อแบบอโรมาเด็ดขาด เพราะถึงแม้จะทำให้คุณรู้สึกหอม แต่การพกพาติดตัวไปไหนมาไหน ก็คือการที่คนอื่น ๆ หรือคนที่อยู่ใกล้ตัวจะได้รับกลิ่นจากอโรมาด้วย  แน่นอนว่า บางคนที่ได้กลิ่นอโรมาก็อาจจะชอบ หรือรู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้ซีเรียส แต่บางคนอาจไม่ชอบกลิ่นอโรมา หรืออาจเป็นคนที่แพ้น้ำหอม จนกลายเป็นว่า เครื่องฟอกอากาศของคุณไปรบกวนคนอื่นเสียอย่างนั้น เว้นแต่ว่าจะเลือกใช้ในพื้นที่ส่วนตัวเป็นหลัก เช่น ห้องทำงานส่วนตัว และรถยนต์ ที่สำคัญคือ ยิ่งมีฟังก์ชันการทำงานแบบอโรมาติดมาด้วย ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้ตัวเครื่องอีกเช่นกัน  เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา

4. โหมดเสียงเบา และเสียงเงียบ 

การพก เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ และเครื่องฟอกขนาดพกพาแบบตั้งโต๊ะ หากใช้ในพื้นที่ที่ต้องการสมาธิ เช่น ออฟฟิศ สำนักงาน หรือสถานศึกษา ควรเลือกซื้อรุ่นที่มีโหมดเสียงเงียบ หรือฟังก์ชันเสียงเบา เพื่อไม่ทำให้เสียงจากการทำงานไปรบกวนคนอื่น ซึ่งระบบเสียงที่เหมาะสม คือ ต่ำกว่า 20 เดซิเบล   ทั้งนี้ เครื่องกรองอากาศแบบพกพาบางรุ่น ก็อาจไม่ได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ตัวเครื่องมีโหมดการทำงานนี้หรือไม่ อาจจะระบุเพียงระดับความดัง หรือใช้คำว่า "ไร้เสียงรบกวนขณะทำงาน” ซึ่งก็ไม่สามารถใช้หลักการนี้ได้เสมอไป เพราะฉะนั้น อาจจะลองดูรีวิวจากคนที่เคยใช้ หรือไปลองใช้สินค้าตัวจริงดูก่อน แล้วค่อยตัดสินใจซื้อก็ได้เช่นกัน 

6. ราคา และข้อมูลอื่น ๆ 

สุดท้ายแล้ว การเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา หรือแม้แต่ เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ ก็ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของราคาและข้อมูลอื่น ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย ไม่ว่าจะเป็น   • ยี่ห้อ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์  • การรับประกันสินค้า การเคลม และบริการหลังการขาย  • การฟอกอากาศ และขจัดอนุภาคอื่น ๆ อาทิ ควันบุหรี่ ละอองเชื้อโรค แบคทีเรีย และสารก่อมะเร็ง  • ประเภทแบตเตอรี่ของตัวเครื่อง  • เปอร์เซ็นต์การกำจัดฝุ่น PM 2.5  • ความถี่ และระยะเวลาการชาร์จไฟ  • ระยะที่ครอบคลุมพื้นที่ในการใช้งาน อาทิ 1 ตร.ม. 
เครื่องฟอกอากาศพกพา เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ เครื่องฟอกอากาศพกพา
จากวิธีการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา ที่ทาง HomeGuru นำมาแนะนำให้กับคุณนั้น นับว่าเป็นแนวทางเบื้องต้น ที่ช่วยทำให้คุณสามารถเลือก เครื่องฟอกอากาศพกพา ให้ตรงกับการใช้งานได้มากที่สุด โดยเฉพาะการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ ที่สะดวกสบายต่อการพกพา ทั้งยังมีออปชั่นต่าง ๆ ให้เลือกใช้ได้ตามที่ต้องการ เช่น โหมดไร้เสียบรบกวน ทั้งนี้ หากคุณอยากจะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ทั้งแบบพกพาและ เครื่องฟอกอากาศแบบใช้ในบ้าน ก็สามารถเข้ามาเลือกซื้อได้ที่ HomePro ทุกสาขา หรือเลือกสั่งออนไลน์ก็สะดวกสบาย โดยที่ไม่ต้องเดินทางให้เหนื่อย

ปัญหาเรื่องบ้านที่น่าสนใจ